ทำความรู้จัก EV Charger Wallbox Pulsar Max และ Pulsar Pro
สำหรับใครที่เป็นเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้า แต่กำลังพิจารณาอยู่ว่า EV Wall Charger ยี่ห้อไหนดี ลองมาทำความรู้จักกับเครื่องชาร์จรถไฟฟ้าจากแบรนด์คุณภาพอย่าง Wallbox กับ 2 รุ่นที่มีฟังก์ชันและการใช้งานที่น่าสนใจ ครอบคลุมในหลายด้านอย่าง Pulsar Max และ Pulsar Pro กัน ตามรายละเอียดจุดเด่น ดังนี้
Wallbox รุ่น Pulsar Max
- เหมาะสำหรับการติดตั้งในบ้าน (Home Charger)
- มาพร้อมโครงสร้างแบบกันน้ำกันฝุ่นระดับ IP55 เหมาะสำหรับติดตั้งภายนอกอาคาร
- รองรับกำลังไฟสูงสุด 22kW (3-phase)
- มี Wi-Fi, Bluetooth, รองรับการเชื่อมต่อ OCPP
- รองรับ Dynamic Load Balancing (เมื่อเชื่อมกับ Power Boost)
- เชื่อมต่อกับแอป myWallbox ได้เต็มฟังก์ชัน
Wallbox รุ่น Pulsar Pro
- เหมาะสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก, อาคารสำนักงาน, หรือที่จอดรถแบบแชร์
- รองรับการใช้งานหลายผู้ใช้ (Multi-user environment)
- มาพร้อมหน้าจอ LED ขนาดเล็กและระบบ RFID
- เชื่อมต่อผ่าน Ethernet, Wi-Fi, 4G LTE
- รองรับระบบการคิดค่าบริการผ่าน OCPP และ Wallbox Backend
- เหมาะสำหรับงานติดตั้งเชิงพาณิชย์ ที่ต้องการความน่าเชื่อถือและควบคุมการใช้งานได้หลากหลาย
ดูรายละเอียดสินค้า : เครื่องชาร์จไฟฟ้า Wallbox
การเตรียมความพร้อมก่อนติดตั้ง EV Charger
ก่อนทำการติดตั้ง EV Charger ที่บ้าน หรืออาคารสำนักงาน ขั้นตอนแรกคือการเตรียมความพร้อมให้มากที่สุด โดยเฉพาะในเรื่องต่อไปนี้-
1. ระบบไฟฟ้า
ตรวจสอบความพร้อมของโครงสร้างระบบไฟฟ้าให้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ ต้องมีสายดินและระบบแยกเบรกเกอร์เฉพาะสำหรับ EV Charger -
2. ประเภทเฟสไฟ
ตรวจสอบว่าใช้ระบบไฟ 1 เฟส หรือ 3 เฟส เพื่อเลือกรุ่นและกำลังไฟที่เหมาะสมกับระบบไฟฟ้าที่ใช้ -
3. ตำแหน่งติดตั้ง
พื้นที่ติดตั้งควรเป็นจุดที่แห้ง ไม่โดนน้ำโดยตรง หรือมีหลังคาคลุมหากติดตั้งภายนอก -
4. โครงสร้างผนัง
ควรเป็นคอนกรีตหรือวัสดุแข็งแรงพอจะรองรับน้ำหนักของตัวเครื่อง -
5.สัญญาณอินเทอร์เน็ต
จำเป็นสำหรับการตั้งค่าผ่านแอปพลิเคชันและการควบคุมจากระยะไกลด้วยระบบ Wi-Fi
ขั้นตอนการติดตั้ง EV Charger ‘Wallbox’ รุ่น Pulsar Max และ Pulsar Pro
สำหรับการติดตั้ง EV Charger ทั้ง Pulsar Max และ Pulsar Pro นั้นมีขั้นตอนและวิธีติดตั้งเหมือนกัน ซึ่งสามารถสรุปเป็นขั้นตอนที่ปฏิบัติตามได้ ดังนี้
1. เตรียมอุปกรณ์และตัดไฟ
ขั้นตอนแรกคือการเตรียมความพร้อมของระบบไฟฟ้า และเพื่อความปลอดภัย ควรปิดเบรกเกอร์หลักของระบบทั้งหมด จากนั้นให้ทำการเตรียมอุปกรณ์สำหรับติดตั้ง เช่น สว่าน สายไฟ สกรู ขั้วต่อ และอุปกรณ์ที่ได้จากชุดติดตั้ง Wallbox
2. ติดตั้ง Backplate
วางตำแหน่งติดตั้ง Backplate โดยการวางตัวยึดให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม หรือความสูงจากพื้นประมาณ 120-150 ซม. แล้วใช้ดินสอกำหนดจุดจากนั้นให้ใช้สว่านเจาะกับผนังโดยใช้พุกและสกรูที่ให้มาในชุดเพื่อยึด Backplate เพื่อให้ได้ระดับที่เที่ยงตรงแนะนำให้ใช้เครื่องวัดแนวระนาบ
3. เดินสายไฟเข้าจุดเชื่อมต่อ
ถอดฝา Wallbox แล้วนำสายริบบอนออก โดยให้นำส่วนกรอบที่เป็นแผงวงจรต่อเข้ากับตัวยึด แล้วนำสายไฟจากแหล่งจ่ายไฟเข้าสู่ตัวเครื่อง จากนั้นให้ต่อสาย L (Phase), N (Neutral), และ PE (Ground) เข้ากับจุด Terminal แล้วทำการตรวจสอบแรงดันและความแน่นของขั้วต่อก่อนปิดฝาครอบ สำหรับการต่อสายไฟแนะนำให้ดูความถูกต้องจากคู่มือเพิ่มเติม เนื่องจากมีความแตกต่างกันในการเชื่อมต่อของระบบไฟฟ้าแบบ 1 เฟส กับ 3 เฟส
อ่านบทความที่น่าสนใจ : รวมปัจจัยสำคัญ ช่วยวางแผนติดตั้งสถานีชาร์จรถไฟฟ้าในโรงแรม-รีสอร์ท ให้คุ้มค่าต่อธุรกิจมากที่สุด
4. ติดตั้งตัวเครื่องเข้ากับ Backplate
นำฝาหน้าเข้ามาติดกับตัวเครื่องส่วนที่ยึดกับ Backplate แล้วต่อสายริบบอน จากนั้นให้ยึดด้วยสกรูด้านใน ติดฝาครอบด้านหน้าที่เป็นชั้นสุดท้ายแล้วยึดด้วยสกรูอีกครั้ง ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีช่องว่างที่อาจทำให้น้ำหรือฝุ่นเข้าได้ แล้วทำการติดตั้งอุปกรณ์สำหรับวางหัวชาร์จไฟฟ้าเข้ากับผนัง
5. เปิดระบบและเชื่อมต่อแอป
เปิดเบรกเกอร์ให้ไฟเข้าสู่เครื่องชาร์จ หากติดตั้งสมบูรณ์จะสังเกตเห็นไฟสีเขียวติดที่บริเวณกรอบของ Wallbox แล้วทำการเชื่อมต่อแอป myWallbox หรือเว็บเบราว์เซอร์ในการเชื่อมต่อผ่าน Wi-Fi หรือ Ethernet จากนั้นให้ตั้งค่ารหัสผ่าน ชื่อเครื่อง ตั้งค่าจำกัดกำลังไฟ และตั้งเวลาชาร์จของ EV Charger
6. ทดสอบการชาร์จ
ทำการทดสอบระบบเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ด้วยการเสียบสายเข้ากับรถไฟฟ้า ให้ตรวจสอบสถานะไฟ LED และสถานะในแอป ว่าเครื่องทำงานและชาร์จไฟอย่างถูกต้อง หากตรวจสอบแล้วไม่มีความผิดพลาดก็มั่นใจได้ว่าขั้นตอนการติดตั้งมีความถูกต้องสมบูรณ์
ติดตั้ง EV Charger โดยทีมวิศวกรไฟฟ้ามืออาชีพ กับ Nutthaphume Engineering
ข้อควรรู้หลังติดตั้ง EV Charger
เพื่อประสิทธิภาพหลังการติดตั้ง EV Charger ที่บ้านและอาคารสำนักงาน การทำความเข้าใจเกี่ยวกับเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าแต่ละรุ่นหลังติดตั้ง จะช่วยให้เลือกใช้ได้ตอบโจทย์และปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
- Wallbox Pulsar Max เหมาะกับผู้ใช้งานในบ้าน ใช้งานง่าย และควบคุมผ่านแอปได้เต็มรูปแบบ
- Wallbox Pulsar Pro เหมาะกับสถานประกอบการ เพราะสามารถใช้งานหลายคน แยกการจัดการผ่านระบบ Cloud และมีระบบยืนยันตัวตนผ่าน RFID
- หมั่นอัปเดตเฟิร์มแวร์ผ่านแอป หรือระบบ Backend เพื่อให้ได้ฟีเจอร์ใหม่และความปลอดภัยล่าสุด
- ตรวจสอบสถานะสายชาร์จเป็นระยะ ว่าไม่มีรอยไหม้ ขั้วหลวมหรือการชาร์จผิดพลาด
หากไม่มีความเชี่ยวชาญด้านระบบไฟฟ้า แนะนำให้ติดตั้งโดยวิศวกรไฟฟ้าที่มีประสบการณ์และมีใบอนุญาตจะช่วยให้ความปลอดภัย และมีบริการหลังติดตั้งที่ช่วยดูแลระบบให้มีความเสถียรอยู่เสมอ
ณัฐภูมิ วิศวกรรม บริการติดตั้ง EV Charger โดยวิศวกรไฟฟ้าผู้เชี่ยวชาญ ปลอดภัยในทุกขั้นตอน
หากคุณกำลังพิจารณา ติดตั้งเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า หรือ EV Charger ที่มีทั้งประสิทธิภาพ ความปลอดภัย และรองรับกับการใช้งานในอนาคต Wallbox รุ่น Pulsar Max และ Pulsar Pro คือคำตอบที่คุ้มค่าสำหรับทั้งผู้ใช้ทั่วไปและธุรกิจขนาดเล็ก ทั้งนี้ การติดตั้งที่ถูกต้องตามขั้นตอน ไม่เพียงช่วยยืดอายุการใช้งานของเครื่อง แต่ยังทำให้ระบบไฟฟ้าโดยรวมของอาคารทำงานได้อย่างมั่นคงและมีประสิทธิภาพมากที่สุดด้วย
Nutthaphume Engineering มีบริการติดตั้ง Wallbox EV Charger ทุกรุ่น โดยทีมวิศวกรไฟฟ้าผู้เชี่ยวชาญที่มีใบอนุญาตพร้อมบริการออกแบบระบบไฟ ตรวจสอบโหลด และติดตั้งได้แบบครบวงจร ให้คุณมั่นใจทุกครั้งที่ชาร์จ รองรับการใช้งานได้ในระยะยาว
สนใจติดตั้งระบบ EV Charger หรือ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อเรา หรือโทร 098-291-4911
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ EV Charger ของ Wallbox (FAQ)
เพื่อไขข้อสงสัยเกี่ยวกับคำถามที่พบบ่อยของเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าทั้ง 2 รุ่น เราได้รวบรวมคำตอบมาบอกกันตามรายละเอียดต่อไปนี้
1. Wallbox Pulsar Max กับ Pulsar Pro ต่างกันอย่างไร?
Pulsar Max เหมาะกับการใช้งานในบ้าน มีดีไซน์เรียบง่าย รองรับแอป myWallbox ส่วน Pulsar Pro เหมาะกับธุรกิจ มีหน้าจอ LED, ระบบ RFID และรองรับหลายผู้ใช้งาน
2. ติดตั้ง Wallbox Pulsar Max / Pro นอกบ้านได้ไหม?
ได้ทั้งสองรุ่น โดยเฉพาะ Pulsar Max ซึ่งมีมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่นระดับ IP55 เหมาะสำหรับการติดตั้งภายนอกอาคาร
3. ต้องใช้เน็ต Wi-Fi ตลอดเวลาหรือไม่?
ควรมีเพื่อใช้ควบคุมและอัปเดตผ่านแอป แต่สามารถใช้งานพื้นฐานได้แม้ไม่มีสัญญาณอินเทอร์เน็ต
4. ต้องขออนุญาตการไฟฟ้าก่อนติดตั้งหรือไม่?
แนะนำให้แจ้งการไฟฟ้าหากมีการเพิ่มโหลดระบบไฟเกินพิกัดเดิม โดยเฉพาะในกรณีที่ติดตั้ง EV Charger ร่วมกับ Solar หรือโหลดหนักอื่น ๆ
5. ต้องใช้สายไฟขนาดเท่าไหร่?
ขึ้นอยู่กับระยะทางและกำลังไฟของเครื่อง โดยทั่วไปสำหรับ Pulsar Max หรือ Pro ควรใช้สายขนาด 6–10 ตร.มม. ควรให้วิศวกรไฟฟ้าคำนวณก่อนติดตั้งจริง
แหล่งอ้างอิง: