
ชาร์จรถไฟฟ้าที่บ้าน คืออะไร?
การชาร์จรถไฟฟ้าที่บ้าน หมายถึงการติดตั้งเครื่องชาร์จไฟ (EV Charger) สำหรับใช้งานส่วนตัวภายในบ้าน ไม่ต้องไปต่อคิวตามสถานีชาร์จ ซึ่งให้ความสะดวก ประหยัดเวลา และปลอดภัยกว่าในระยะยาว

การชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าต้องใช้เวลานานแค่ไหน?
ระยะเวลาการชาร์จขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย โดยทั่วไปแล้วสามารถแบ่งเป็น 3 ระดับ ดังนี้
1. ปลั๊กบ้านธรรมดา (AC 2.3 – 3.6 kW)
ใช้เวลาชาร์จเต็มประมาณ 12 – 24 ชั่วโมง เหมาะสำหรับคนที่ไม่รีบหรือชาร์จข้ามคืน
2. Wallbox หรือ EV Charger แบบติดผนัง (AC 7.4 – 22 kW)
เวลาในการชาร์จลดลงเหลือประมาณ 4 – 8 ชั่วโมง
3. DC Fast Charger (ไม่แนะนำสำหรับใช้ในบ้าน)
แม้จะชาร์จได้เร็วเพียง 30 – 60 นาที แต่ระบบนี้ใช้ไฟสูงมากและเหมาะกับสถานีสาธารณะมากกว่า
หากมีการติดตั้งที่ชาร์จรถไฟฟ้าที่บ้านอย่างมืออาชีพ เลือกกำลังไฟให้เหมาะกับรถ และวางแผนการชาร์จให้สอดคล้องกับพฤติกรรมการใช้รถในแต่ละวัน ก็จะช่วยให้การใช้งานรถ EV ได้อย่างสะดวกสบาย ไม่ต้องกังวลเรื่องเวลา หรือความปลอดภัยเลยแม้แต่น้อย

ปัจจัยที่ส่งผลต่อเวลาชาร์จรถไฟฟ้าที่บ้าน
การชาร์จรถ EV ให้เต็มเร็วหรือช้านั้นขึ้นอยู่กับ 5 ปัจจัยหลัก ดังนี้
1. ขนาดแบตเตอรี่ของรถ
รถแต่ละรุ่นมีความจุแบตเตอรี่ไม่เท่ากัน เช่น 40 kWh, 60 kWh หรือ 100 kWh ซึ่งยิ่งขนาดใหญ่ เวลาชาร์จก็จะนานขึ้น
2. กำลังไฟของเครื่องชาร์จ
ถ้าคุณ ติดตั้ง EV Charger ที่มีกำลังไฟ 7.4 kW ก็จะชาร์จได้เร็วกว่าการเสียบปลั๊กบ้านที่มีกำลังเพียง 2.3 kW
3. ความสามารถในการรองรับของรถ
รถบางรุ่นรองรับการชาร์จ AC ได้แค่ 7.4 kW เท่านั้น แม้คุณจะติดตั้งเครื่อง 22 kW ก็ใช้ได้แค่ความสามารถสูงสุดของรถอยู่ดี
4. สภาพของสายไฟและระบบไฟฟ้าในบ้าน
ก่อนติดตั้งที่ชาร์จรถไฟฟ้าที่บ้าน ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าระบบไฟรองรับหรือไม่ ต้องมีสายดิน อุปกรณ์ตัดไฟรั่ว และเดินสายอย่างปลอดภัย
5. ปริมาณแบตเตอรี่ที่เหลือก่อนชาร์จ
ถ้าแบตเตอรี่ยังเหลืออยู่ครึ่งหนึ่ง เวลาที่ใช้ในการชาร์จก็จะน้อยลงตามสัดส่วน

ทำไมควร “ติดตั้งที่ชาร์จรถไฟฟ้าที่บ้าน” แทนการเสียบปลั๊กบ้าน?
แม้จะวิธีการที่สะดวก แต่การเสียบปลั๊กบ้านโดยตรงมีข้อเสียหลายอย่าง เช่น
- เสี่ยงไฟฟ้าลัดวงจร เพราะไม่ได้ออกแบบให้รองรับโหลดสูง
- ชาร์จช้าและไม่มีระบบตัดไฟหรือควบคุมอุณหภูมิ
- ขาดความปลอดภัยและอาจกระทบอุปกรณ์ไฟฟ้าอื่นในบ้าน
ดังนั้นการติดตั้ง EV Charger ที่ออกแบบมาเฉพาะจึงเป็นทางเลือกที่ดีกว่า ทั้งในแง่ความเร็ว ความปลอดภัย และอายุการใช้งานของทั้งตัวเครื่องและรถยนต์

ข้อดีของการชาร์จรถไฟฟ้าที่บ้าน
รวมข้อดีของการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่บ้าน มีดังนี้
- สะดวก ชาร์จได้ทุกคืน ไม่ต้องเสียเวลาไปสถานี
- ประหยัดค่าไฟต่อหน่วยถูกกว่าค่าชาร์จนอกบ้าน
- ปลอดภัย ระบบไฟได้รับการติดตั้งและตรวจสอบจากมืออาชีพ
- ยืดอายุแบตเตอรี่ ชาร์จแบบคงที่และควบคุมได้
อ่านบทความที่น่าสนใจเพิ่มเติม : ติดตั้ง EV Charger ที่บ้านอย่างไรให้ปลอดภัย

ควรเลือกเครื่อง EV Charger แบบไหน?
เทคนิคการเลือกเครื่อง Ev Charger มีดังนี้
- กำลังไฟ 7.4 kW หรือ 11 kW สำหรับบ้านทั่วไป
- มีระบบตัดไฟรั่ว และควบคุมด้วยแอปพลิเคชัน
- ถ้าอยากประหยัดไฟเพิ่ม ควรพิจารณาระบบ Solar ร่วมด้วย
- ติดตั้งโดยผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ เช่นบริการ ติดตั้ง EV Charger จากผู้ให้บริการมืออาชีพ

EV Charger มีกี่แบบ? เลือกยังไงให้เหมาะกับการใช้งานที่บ้าน
สำหรับคนที่กำลังวางแผน ติดตั้งที่ชาร์จรถไฟฟ้าที่บ้าน สิ่งสำคัญคือการเลือกประเภท EV Charger ให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ ซึ่งหลัก ๆ มี 2 แบบ คือ AC Charger (Level 1/2) ที่เหมาะกับการชาร์จข้ามคืน และ DC Fast Charger สำหรับการชาร์จเร็ว แต่ไม่เหมาะกับใช้ในบ้านเพราะกินไฟสูงเกินไป การเลือกกำลังไฟ 7.4 kW หรือ 11 kW จึงเพียงพอต่อการใช้งานทั่วไป ช่วยให้dkiชาร์จรถไฟฟ้าที่บ้านปลอดภัยและสะดวกยิ่งขึ้นทุกวัน

ชาร์จรถไฟฟ้าสะดวกทุกวันที่บ้าน ติดตั้ง EV Charger กับณัฐภูมิ วิศวกรรม ประหยัดปลอดภัยกว่า พร้อมบริการครบวงจร
เปลี่ยนบ้านให้เป็นสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่สะดวกและปลอดภัย ด้วยบริการติดตั้ง EV Charger จาก ณัฐภูมิ วิศวกรรมผู้เชี่ยวชาญด้านระบบไฟฟ้าที่ลูกค้าชั้นนำไว้วางใจได้ เราให้บริการครบวงจร ตั้งแต่ให้คำปรึกษา ออกแบบระบบที่เหมาะกับที่พักอาศัย ไปจนถึงการติดตั้งโดยวิศวกรผู้ชำนาญ พร้อมเลือกใช้เครื่องชาร์จจากแบรนด์คุณภาพระดับโลก
หมดปัญหาเรื่องหาที่ชาร์จนอกบ้าน ประหยัดค่าใช้จ่าย และมั่นใจได้ในความปลอดภัยทุกครั้งที่ใช้งาน รองรับทั้ง EV Wall Charger และ Floor – Mounted Charger พร้อมระบบควบคุมที่ทันสมัย ใช้งานง่าย มีบริการหลังการขายครบถ้วน ทั้งการบำรุงรักษา (PM) และการอัปเกรดระบบ เพื่อให้เครื่องชาร์จทำงานได้ดีในระยะยาว
สนใจบริการติดตั้ง EV Charger สามารถติดต่อเรา หรือโทร 098 – 291 – 4911