การบำรุงรักษาระบบไฟฟ้าเชิงป้องกัน คืออะไร?
การบำรุงรักษาระบบไฟฟ้าเชิงป้องกัน (Preventive Maintenance) หรือที่เรียกกันสั้น ๆ ว่า PM คือ การตรวจสอบและบำรุงรักษาอุปกรณ์ในระบบไฟฟ้าของโรงงานอย่างสม่ำเสมอ โดยมุ่งเน้นการค้นหาและแก้ไขปัญหาก่อนที่มันจะลุกลามไปจนกลายเป็นปัญหาที่ใหญ่กว่า เช่น การเสียหายที่ต้องใช้ค่าใช้จ่ายสูงในการซ่อมแซม
เปรียบเทียบง่าย ๆ ก็เหมือนกับการตรวจสุขภาพประจำปีของคนเรา แต่จะดำเนินการโดยทีมวิศวกรหรือผู้เชี่ยวชาญจะเข้ามาตรวจสอบ ทำความสะอาด และทดสอบอุปกรณ์ตามระยะเวลา โดยจะเน้นการค้นหาความผิดปกติเล็ก ๆ น้อย ๆ ก่อนที่ความผิดปกติเล็กน้อยเหล่านั้นจะส่งผลกระทบต่อการทำงานหรือความปลอดภัยในโรงงาน ช่วยให้เราทราบถึงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต และสามารถแก้ไขได้ก่อนที่ปัญหานั้นจะลุกลามกลายเป็นปัญหาที่ใหญ่กว่า
เพราะการซ่อมแซมเมื่อเกิดปัญหาไปแล้วนั้น (Corrective Maintenance) คือการไปแก้ไขเมื่ออุปกรณ์หรือระบบไฟฟ้าเกิดความเสียหายจนทำให้เครื่องจักรหยุดทำงาน ก็เหมือนการไปหาหมอที่ห้องฉุกเฉิน แต่หากเรามีการบำรุงรักษาแบบ Preventive ก็จะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาขึ้นตั้งแต่แรกได้
อ่านบทความที่น่าสนใจ:ข้อควรรู้ก่อนตรวจสอบระบบไฟฟ้าประจำปี 2568 ต้องตรวจอะไรบ้าง?

5 เหตุผลสำคัญที่ทุกโรงงานต้องทำ Preventive Maintenance
การบำรุงรักษาระบบไฟฟ้าแบบ Preventive Maintenance ไม่ใช่แค่เรื่องทางเทคนิค แต่เป็นกลยุทธ์ทางธุรกิจที่สำคัญกับโรงงานมากกว่าที่คิด มาดูความสำคัญของการบำรุงรักษาระบบไฟฟ้ากันว่า คุ้มค่าและจำเป็นสำหรับทุกโรงงานอย่างไร!?
1. ลดความเสี่ยงการหยุดชะงักของสายการผลิต (Downtime)
การหยุดชะงักของการผลิต (Downtime) คือความเสียหายระดับร้ายแรงถึงขนาดที่สามารถทำให้โรงงานสูญเสียรายได้และความน่าเชื่อถือไปได้เลยทีเดียว แต่ถ้ามีการทำ PM ระบบไฟฟ้าอย่างสม่ำเสมอ ก็จะช่วยตรวจสอบสภาพเครื่องจักรและระบบไฟฟ้าก่อนที่จะเกิดปัญหาขึ้นจริง ทำให้เราสามารถหยุดปัญหานั้นก่อนที่จะสร้างผลกระทบใหญ่ แถมยังเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตไปในตัว
2. เพิ่มความปลอดภัยให้พนักงานและทรัพย์สิน
เครื่องจักรและระบบไฟฟ้าที่ไม่ได้รับการบำรุงรักษาอย่างถูกต้อง อาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุหรือเหตุการณ์ที่อาจทำให้พนักงานได้รับบาดเจ็บ หรือลูกค้าสูญเสียความเชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์ได้เลย การทำ PM ระบบไฟฟ้าอย่างสม่ำเสมอจะช่วยลดความเสี่ยงเหล่านี้ได้
3. ยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์และเครื่องจักร
เครื่องจักรและอุปกรณ์ไฟฟ้าคือสินทรัพย์ที่สำคัญที่สุดสำหรับทุกโรงงานเลยก็ว่าได้ ดังนั้น การดูแลรักษาอุปกรณ์เหล่านี้ให้ได้รับการบำรุงรักษาที่เหมาะสมเป็นประจำ จะช่วยให้เครื่องจักรทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพตลอดอายุการใช้งาน ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมหรือซื้อเครื่องจักรใหม่บ่อย ๆ และยังช่วยยืดอายุการใช้งานได้อย่างยาวนาน
4. ประหยัดค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมฉุกเฉินในระยะยาว
การซ่อมแซมเครื่องจักรในกรณีฉุกเฉิน มักจะมีค่าใช้จ่ายสูงและมักเกิดในช่วงเวลาที่ไม่คาดคิด การทำ PM จะช่วยให้เครื่องจักรทำงานได้ดีและหลีกเลี่ยงปัญหาที่จะต้องใช้ค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมที่สูงเกินไป
5. ปฏิบัติตามข้อกำหนดทางกฎหมายและมาตรฐานความปลอดภัย
การทำ PM ระบบไฟฟ้าจะช่วยให้โรงงานปฏิบัติตามกฎหมายและมาตรฐานความปลอดภัยที่กำหนดไว้ ลดความเสี่ยงจากการโดนปรับหรือมีปัญหาทางกฎหมาย แถมยังช่วยให้ระบบไฟฟ้าและเครื่องจักรทำงานได้อย่างปลอดภัยตลอดเวลาอีกด้วย
เรียกได้ว่าความสำคัญของการบำรุงรักษาระบบไฟฟ้าเหล่านี้ ล้วนสะท้อนถึงข้อดีของการ PM ระบบไฟฟ้า ที่ช่วยให้โรงงานมีการดำเนินงานที่ราบรื่นและประสิทธิภาพสูงสุด

การบำรุงรักษาระบบไฟฟ้าครอบคลุมส่วนไหนบ้าง?
การบำรุงรักษาระบบไฟฟ้า (PM) เป็นกระบวนการสำคัญที่ช่วยรักษาประสิทธิภาพของระบบไฟฟ้าในโรงงานและป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้น โดยทั่วไปแล้ว การบำรุงรักษาระบบไฟฟ้าจะครอบคลุมส่วนสำคัญต่าง ๆ ดังนี้
1. ตู้ควบคุมไฟฟ้าหลัก (MDB)
ตู้ควบคุมไฟฟ้าหลัก คือศูนย์กลางการกระจายไฟฟ้าสำหรับระบบไฟฟ้าทั้งหมดในโรงงาน ทำหน้าที่กระจายไฟจากแหล่งจ่ายไฟไปยังส่วนต่าง ๆ ของโรงงาน เช่น เครื่องจักร สายการผลิต เป็นต้น
การบำรุงรักษาระบบไฟฟ้าในส่วนนี้จะเป็นการตรวจสอบและทำความสะอาดตู้ MDB อย่างสม่ำเสมอ เช่น การตรวจสอบความสมบูรณ์ของเบรกเกอร์ สายไฟ และอุปกรณ์ที่เชื่อมต่ออยู่ เพื่อให้มั่นใจว่าระบบไฟฟ้าทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทางที่ดีเราจึงควรตรวจสอบระบบไฟฟ้าประจำปี เพื่อให้แน่ใจว่าเบรกเกอร์และการเชื่อมต่อไฟฟ้ายังคงอยู่ในสภาพดี ช่วยลดปัญหาที่อาจเกิดจากการใช้งานที่ไม่สมบูรณ์ในระยะยาว
2. หม้อแปลงไฟฟ้า
หม้อแปลงไฟฟ้า ทำหน้าที่แปลงแรงดันไฟฟ้าให้เหมาะสมกับการใช้งานในโรงงาน หรือแปลงแรงดันจากแหล่งพลังงานให้เป็นระดับที่เครื่องจักรหรืออุปกรณ์ไฟฟ้าต้องการ
การบำรุงรักษาระบบไฟฟ้าในส่วนนี้จะเป็น
- ตรวจสอบระดับน้ำมันในหม้อแปลง
- ทำความสะอาดภายในเพื่อป้องกันฝุ่นและสิ่งสกปรกที่อาจส่งผลต่อการทำงานของหม้อแปลง
- ตรวจเช็กอุณหภูมิและความสมบูรณ์ของตัวหม้อแปลง
เราจึงต้องตรวจสอบหม้อแปลงเป็นประจำทุกปีเพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น ความร้อนเกินหรือน้ำมันหม้อแปลงที่ลดลง อาจทำให้เกิดการลัดวงจรได้
3. ระบบสายดิน
ระบบสายดิน มีบทบาทในการป้องกันอันตรายจากการเกิดไฟฟ้าลัดวงจร โดยการระบายกระแสไฟฟ้าที่ผิดปกติให้เข้าสู่ดิน
การบำรุงรักษาระบบไฟฟ้าในส่วนนี้จะเป็นการตรวจสอบความสมบูรณ์ของสายดินและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง เช่น
- ตรวจสอบการเชื่อมต่อของสายดินให้แน่นหนา
- ตรวจสอบความต้านทานของระบบดินให้อยู่ในมาตรฐานที่กำหนด
ดังนั้น เราจึงควรทำการตรวจสอบการเชื่อมต่อระบบสายดินทุกปี เพื่อให้มั่นใจว่ามีความปลอดภัยและไม่เสี่ยงต่อการเกิดไฟฟ้าลัดวงจร ซึ่งเป็นข้อดีของ PM ระบบไฟฟ้าที่จะช่วยลดความเสี่ยงได้

4. อุปกรณ์ป้องกันไฟฟ้าลัดวงจร
เบรกเกอร์ ฟิวส์ รางเบรกเกอร์ และอื่น ๆ ถือเป็นอุปกรณ์ป้องกันไฟฟ้าลัดวงจร ซึ่งจะคอยทำหน้าที่ป้องกันไฟฟ้าลัดวงจรและการโอเวอร์โหลด
การบำรุงรักษาระบบไฟฟ้าในส่วนนี้จะเป็นการตรวจสอบการทำงานของเบรกเกอร์ ฟิวส์ และอุปกรณ์ป้องกันอื่นๆ และตรวจสอบการตั้งค่าของอุปกรณ์ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจรหรือการโหลดไฟฟ้าที่เกินขีดจำกัด
5. ระบบไฟฟ้าย่อย
ระบบไฟฟ้าย่อยจะกระจายไฟฟ้าไปยังส่วนต่าง ๆ ของโรงงานและเครื่องจักร
การบำรุงรักษาระบบไฟฟ้าในส่วนนี้จะเป็นการตรวจสอบและทำความสะอาดอุปกรณ์ไฟฟ้าย่อย รวมทั้งตรวจเช็กการทำงานของอุปกรณ์ในระบบย่อย เพื่อให้แน่ใจว่ามีการกระจายไฟอย่างถูกต้อง
6. อุปกรณ์เสริมที่เกี่ยวข้องกับระบบไฟฟ้า
อุปกรณ์เสริมที่เกี่ยวข้องกับระบบไฟฟ้า เช่น สวิตช์ไฟ ปลั๊กไฟ และอุปกรณ์อื่น ๆ จะทำหน้าที่ช่วยควบคุมการใช้งานไฟฟ้า
การบำรุงรักษาระบบไฟฟ้าในส่วนนี้จะเป็นการตรวจสอบการทำงานและการเปลี่ยนชิ้นส่วนที่ชำรุดเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้งานอุปกรณ์เหล่านี้
จะเห็นได้ว่า การบำรุงรักษาระบบไฟฟ้าที่ครอบคลุมเหล่านี้ ช่วยให้ระบบไฟฟ้าในโรงงานทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดการหยุดชะงักในการผลิต และป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากความผิดปกติของระบบไฟฟ้า ทำให้โรงงานสามารถดำเนินการได้อย่างปลอดภัยและต่อเนื่อง
อ่านบทความที่น่าสนใจ:วางแผน PM ระบบไฟฟ้าอย่างมืออาชีพ ธุรกิจเดินต่อไม่มีสะดุด
กันไว้ดีกว่าแก้ แค่บำรุงรักษาระบบไฟฟ้า โดยทีมผู้เชี่ยวชาญ จากณัฐภูมิ วิศวกรรม
การบำรุงรักษาระบบไฟฟ้าแบบ Preventive Maintenance อย่างสม่ำเสมอจะช่วยลดความเสี่ยงจากการหยุดชะงักของสายการผลิต เพิ่มความปลอดภัยให้กับพนักงานและทรัพย์สิน ลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมในอนาคต และช่วยให้โรงงานสามารถปฏิบัติตามข้อกำหนดทางกฎหมายได้อย่างครบถ้วน
การทำ PM ระบบไฟฟ้าอย่างสม่ำเสมอจึงไม่ใช่แค่ทางเลือกอีกต่อไป แต่เป็นการลงทุนที่ชาญฉลาดสำหรับโรงงานอุตสาหกรรมยุคใหม่ เพื่อรักษาความมั่นคงและประสิทธิภาพการดำเนินธุรกิจที่ยั่งยืน
หากคุณกำลังมองหาพันธมิตรที่เชี่ยวชาญในการบำรุงรักษาระบบไฟฟ้า ณัฐภูมิ วิศวกรรม ยินดีให้บริการดูแล บำรุงรักษาระบบไฟฟ้าด้วยมาตรฐานสากล ISO 9001:2015 พร้อมตรวจสอบและรับรองระบบไฟฟ้าประจำปี โดยวิศวกรผู้เชี่ยวชาญด้วยประสบการณ์กว่า 30 ปี เพื่อให้โรงงานของคุณมีระบบไฟฟ้าที่ปลอดภัย เชื่อถือได้ และมีประสิทธิภาพสูงสุดอยู่เสมอ
ปรึกษาหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ ติดต่อเรา
หรือโทร 098-291-4911 และแอดไลน์ @npeng
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการบำรุงรักษาระบบไฟฟ้า (Preventive Maintenance)
1. โรงงานขนาดเล็กทำการบำรุงรักษาระบบไฟฟ้า (PM) จะคุ้มค่าไหม?
คุ้มค่า เพราะช่วยลดความเสี่ยงจากการหยุดชะงักของการผลิต (Downtime) และยืดอายุการใช้งานของเครื่องจักร แม้ว่าจะมีค่าใช้จ่ายเริ่มต้น แต่การทำ PM จะช่วยลดค่าใช้จ่ายจากการซ่อมแซมฉุกเฉิน เพิ่มความปลอดภัย และทำให้ระบบไฟฟ้าทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในระยะยาว
2. ทำไมควรใช้บริการ PM ระบบไฟฟ้าจากผู้เชี่ยวชาญดีกว่าทำเอง?
การใช้บริการ PM ระบบไฟฟ้ามีข้อดีที่เราไม่สามารถทำเองได้ ดังนี้
- ปลอดภัยกว่า ผู้เชี่ยวชาญมีความรู้ในการตรวจสอบและบำรุงรักษาระบบไฟฟ้าอย่างถูกต้องตามมาตรฐาน
- ประสิทธิภาพสูง ทีมมืออาชีพสามารถตรวจสอบและซ่อมแซมได้เร็วขึ้น
- มีเครื่องมือเฉพาะ ตรวจสอบและบำรุงรักษาระบบไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ได้มาตรฐาน บริการจากผู้เชี่ยวชาญช่วยให้โรงงานปฏิบัติตามข้อกำหนดทางกฎหมายและมาตรฐาน.
3. หากไม่ทำ PM ระบบไฟฟ้าเลย จะเกิดปัญหาอะไรขึ้นบ้าง?
อาจทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการหยุดชะงักของการผลิต ระบบไฟฟ้าอาจมีปัญหาหรือเสียหายโดยไม่คาดคิด ซึ่งจะส่งผลให้โรงงานหยุดการผลิตและทำให้สูญเสียค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมหรือเปลี่ยนอุปกรณ์
