1. ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ
การเลือกบริษัทบำรุงรักษาระบบไฟฟ้าในโรงงาน ควรพิจารณาที่ความเชี่ยวชาญ ของบริษัทในด้านระบบไฟฟ้าโรงงานโดยเฉพาะ บริษัทที่มีประสบการณ์ยาวนานจะช่วยให้สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งตอบสนองต่อปัญหาฉุกเฉินได้อย่างทันท่วงที ซึ่งจะช่วยลด Downtime ที่อาจเกิดขึ้นในกระบวนการผลิตได้
นอกจากนี้ บริษัทที่มีความเชี่ยวชาญยังสามารถให้คำแนะนำที่เหมาะสมในการปรับปรุงระบบไฟฟ้า เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและเข้าใจข้อกำหนดเฉพาะของอุตสาหกรรม ซึ่งจะช่วยให้สามารถเลือกทางเลือกที่ดีที่สุดในการแก้ไขปัญหาของแต่ละธุรกิจได้อย่างเหมาะสม
อ่านบทความที่น่าสนใจ :วางแผน PM ระบบไฟฟ้าอย่างมืออาชีพ ธุรกิจเดินต่อไม่มีสะดุด ทุกโรงงาน อาคาร ร้านอาหารควรรู้
2. มาตรฐานรองรับ
การเลือกบริษัทบำรุงรักษาระบบไฟฟ้าในโรงงาน ควรพิจารณามาตรฐานรองรับที่บริษัทได้รับ ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ถึงการทำงานตามมาตรฐานสากล เช่น ISO 9001 หรือมาตรฐานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง การมีใบรับรองมาตรฐานเหล่านี้ช่วยยืนยันคุณภาพการบริการ และความน่าเชื่อถือของบริษัท โดยแสดงให้เห็นว่า บริษัทมีระบบการจัดการที่มีประสิทธิภาพ สามารถรักษาคุณภาพการทำงานตามข้อกำหนดทางกฎหมายและข้อบังคับต่าง ๆ ได้ถูกต้องและปลอดภัยได้อย่างต่อเนื่อง

3. ผลงานที่ผ่านมาและกรณีศึกษาที่น่าเชื่อถือ
การเลือกบริษัทที่มีผลงานและ Case Study ที่น่าเชื่อถือ ช่วยให้เรามั่นใจได้ว่า
- แก้ไขปัญหาที่ซับซ้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ กรณีศึกษาที่เกี่ยวข้องจะช่วยให้เห็นว่า บริษัทสามารถรับมือกับปัญหาที่ซับซ้อนและมีประสิทธิภาพได้อย่างไรบ้าง
- สร้างความมั่นใจในคุณภาพการบริการที่ดี การให้คำแนะนำลูกค้าก่อนหน้า เป็นการบ่งชี้ถึงการให้บริการที่มีคุณภาพและความเชื่อถือได้ในระยะยาว
- บ่งชี้ถึงความน่าเชื่อถือผลงานจากลูกค้าก่อนหน้าหรือกรณีศึกษาที่ผ่านการตรวจสอบแล้ว จะช่วยให้มั่นใจได้ว่าบริษัทนั้นสามารถทำงานได้ตามที่กล่าวไว้จริง
นอกจากนี้ การได้รับคำแนะนำหรือรีวิวดี ๆ ก็เป็นอีกหนึ่งตัวบ่งชี้ถึงความน่าเชื่อถือและคุณภาพของบริการ โดยเฉพาะถ้าลูกค้าก่อนหน้าให้คำแนะนำในแง่บวกเกี่ยวกับความพึงพอใจในบริการ หรือการตอบสนองอย่างรวดเร็ว ในกรณีที่เกิดปัญหาต่าง ๆ ก็ยิ่งมั่นใจได้ว่าผู้รับเหมา PM ระบบไฟฟ้าเจ้านี้มีความเชี่ยวชาญจากประสบการณ์ที่สะสมมาจริง ๆ
4. ขอบเขตงานชัดเจนและเครื่องมือที่ได้มาตรฐาน
บริษัทบำรุงรักษาระบบไฟฟ้าควรมีขอบเขตงานที่ชัดเจนและละเอียด ซึ่งแสดงถึงการทำงานที่เป็นระเบียบและจะไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในภายหลัง ในข้อเสนอราคา PM ระบบไฟฟ้าก็ควรกำหนดขอบเขตงานที่ต้องทำอย่างชัดเจน เช่น
- ลักษณะของงานที่บริษัทจะดำเนินการ
- เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ต้องใช้
- ผลลัพธ์ที่คาดหวังจากการทำงาน
สิ่งเหล่านี้จะช่วยป้องกันข้อขัดแย้งหรือปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในระหว่างการดำเนินงาน
นอกจากนี้ การเลือกบริษัท PM ระบบไฟฟ้าที่ใช้เครื่องมือที่มีมาตรฐานและทันสมัย เช่น กล้องอินฟราเรด (Thermoscan) และ เครื่องทดสอบค่าความเป็นฉนวน ที่ได้รับการสอบเทียบเป็นประจำ จะช่วยให้การตรวจสอบระบบไฟฟ้าทำได้อย่างแม่นยำและเชื่อถือได้ ส่งผลให้การบำรุงรักษาระบบไฟฟ้าในโรงงานมีประสิทธิภาพสูงสุด และลดความเสี่ยงจากการเกิดปัญหาภายหลัง
อ่านบทความที่น่าสนใจ :7 ความผิดพลาดที่พบบ่อยในการทำ PM ระบบไฟฟ้า และวิธีหลีกเลี่ยง

5. มาตรฐานความปลอดภัยในการปฏิบัติงาน และทีมวิศวกรที่มีใบอนุญาต
การบำรุงรักษาระบบไฟฟ้าในโรงงานต้องให้ความสำคัญกับมาตรฐานความปลอดภัยในการปฏิบัติงาน เพื่อป้องกันอุบัติเหตุและความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นในระหว่างการทำงาน ทีมงานที่ดูแลระบบไฟฟ้าจึงควรปฏิบัติตาม ข้อกำหนดด้านความปลอดภัยอย่างเข้มงวด เช่น ใช้อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (PPE) และปฏิบัติตาม ขั้นตอนความปลอดภัยที่ได้มาตรฐาน เพื่อให้การทำงานมีความปลอดภัยสูงสุดทั้งในด้านของผู้ปฏิบัติงานและโรงงาน
รวมถึงบริษัทที่ให้บริการบำรุงรักษาระบบไฟฟ้าเองก็ควรมีทีมวิศวกรที่มีใบอนุญาตและมีความสามารถในการจัดการสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพเพื่อให้การบำรุงรักษาระบบไฟฟ้าไม่กระทบต่อความต่อเนื่องของการผลิตในโรงงาน
6. การประกันภัยความรับผิดชอบ
การทำงานในโรงงานที่เกี่ยวข้องกับระบบไฟฟ้ามักมีความเสี่ยงที่อาจเกิดความเสียหายต่อทรัพย์สิน หรือผู้ที่เกี่ยวข้องได้ การเลือกบริษัทบำรุงรักษาระบบไฟฟ้าที่มีการประกันภัยความรับผิดชอบ จะช่วยคุ้มครองโรงงานของเราจากเหตุการณ์ไม่คาดฝันและช่วยลดความเสี่ยงจากการดำเนินงานได้ เช่น ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับอุปกรณ์ของโรงงาน หรืออุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นในระหว่างการทำงาน เป็นต้น
ทั้งยังช่วยให้มั่นใจได้อีกว่า หากเกิดความผิดพลาดหรืออุบัติเหตุที่เกิดจากการทำงานของทีมงานของบริษัท PM ที่มีการประกันภัยความรับผิดชอบ ก็จะไม่กระทบต่อการดำเนินธุรกิจของโรงงานเราอย่างแน่นอน
อ่านบทความที่น่าสนใจ :เลือกจ้างบริษัทภายนอกทำ PM ระบบไฟฟ้าโรงงานหรืออาคาร ดีกว่าจ้างทีมช่างประจำจริงหรือ

7. รูปแบบรายงานผลและการรับรองโดยวิศวกร
การบำรุงรักษาระบบไฟฟ้าในโรงงานควรมีรายงานผลการตรวจสอบฉบับสมบูรณ์ที่ลูกค้าจะได้รับหลังจากการดำเนินการเสร็จสิ้น และเพื่อให้ลูกค้าได้เห็นภาพรวมของการตรวจสอบและประเมินผลการบำรุงรักษาที่ทำไป รายงานดังกล่าวก็ควรจะประกอบด้วย
- รูปถ่ายประกอบ
- ผลการทดสอบ
- ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการทำงานที่ดำเนินการ
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ลายเซ็นที่รับรองโดยวิศวกร เพราะหากมีการตรวจสอบหรือปัญหาที่เกิดขึ้นในภายหลัง เราสามารถใช้ลายเซ็นเป็นหลักฐานทางกฎหมายในการอ้างอิงเพื่อยืนยันความถูกต้องของข้อมูลและการทำงานได้
อ่านบทความที่น่าสนใจ : ข้อควรรู้ก่อนตรวจสอบระบบไฟฟ้าประจำปี 2568 ต้องตรวจอะไรบ้าง?
เปลี่ยนงานบำรุงรักษาระบบไฟฟ้าโรงงานคุณให้เป็นเรื่องง่ายโดยทีมวิศวกรมืออาชีพจาก ณัฐภูมิ วิศวกรรม
การเลือกบริษัทบำรุงรักษาระบบไฟฟ้าโรงงานที่เหมาะสมไม่เพียงแต่ช่วยให้การดำเนินงานของโรงงานเป็นไปอย่าง ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ แต่ยังมีผลต่อการลด Downtime และเพิ่มความต่อเนื่องในกระบวนการผลิตของโรงงานอีกด้วย ดังนั้น อย่าลืมให้ความสำคัญกับการเลือกบริษัท PM ที่มีความเชี่ยวชาญและได้รับการรับรองตามมาตรฐาน เพื่อให้ระบบไฟฟ้าในโรงงานของคุณทำงานได้อย่างราบรื่นตลอดเวลา
ณัฐภูมิ วิศวกรรม คือพันธมิตรที่ตอบโจทย์ Checklist ทั้ง 7 ข้อของคุณ ด้วยประสบการณ์กว่า 30 ปี, ได้มาตรฐานสากล ISO 9001, มีผลงานกว่า 550 โครงการ, และการดำเนินงานโดยทีมวิศวกรผู้เชี่ยวชาญที่มีใบอนุญาต
ปรึกษาหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ ติดต่อเรา
หรือโทร 098-291-4911 และแอดไลน์ @npeng
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการบำรุงรักษาระบบไฟฟ้า
1. ต้องตรวจสอบการบำรุงรักษาระบบไฟฟ้าโรงงานบ่อยแค่ไหน?
ควรมีการตรวจสอบอย่างน้อยทุก 6 เดือน หรืออาจบ่อยขึ้นตามความซับซ้อนของระบบและการใช้งาน เพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีปัญหาหรือความเสี่ยงที่อาจส่งผลกระทบต่อการผลิต
2. เช็กยังไงว่าข้อเสนอราคาบำรุงรักษาระบบไฟฟ้าของบริษัทนั้นคุ้มค่า?
นอกจากราคาแล้ว ยังควรพิจารณาถึงคุณภาพของบริการที่บริษัทจะมอบให้ด้วย เช่น การตรวจสอบอุปกรณ์อย่างละเอียด การใช้เครื่องมือที่ได้มาตรฐาน และความรวดเร็วในการตอบสนองเมื่อเกิดปัญหาฉุกเฉิน รวมถึงการรับประกันและมาตรฐานที่รองรับของบริษัท PM นั้น ๆ ด้วย
3. การเลือกบริการบำรุงรักษาระบบไฟฟ้าโรงงานจากบริษัทภายนอก ดีกว่าจ้างช่างในบ้านหรือไม่?
ใช่ บริษัทภายนอกที่มีความเชี่ยวชาญในด้านการบำรุงรักษาระบบไฟฟ้าโรงงานโดยเฉพาะมักจะมีข้อได้เปรียบกว่า ช่างในบ้านในหลายด้าน เช่น ความสามารถในการจัดการปัญหาซับซ้อน การใช้เครื่องมือที่ทันสมัย การให้บริการที่ เชื่อถือได้ และสามารถให้คำปรึกษาในด้านการออกแบบและปรับปรุงระบบไฟฟ้า รวมถึงการให้การรับประกัน การทำงานได้ด้วย
