ระบบโซล่าเซลล์มีกี่ประเภท เลือกแบบไหนให้เหมาะสมทั้งสำหรับบ้านอยู่อาศัยและภาคธุรกิจ

ท่ามกลางกระแสรักษ์โลกและต้นทุนค่าไฟที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง คนจำนวนมากเริ่มหันมาใช้พลังงานแสงอาทิตย์กันมากขึ้น แต่สิ่งที่หลายคนอาจจะยังไม่รู้คือระบบโซล่าเซลล์ (solar cell) มีหลายประเภทให้เลือกใช้งาน และแต่ละประเภทก็มีข้อดีข้อจำกัดต่างกันไปตามความเหมาะสมของบ้านหรือธุรกิจของคุณ

ถ้าคุณกำลังลังเลว่าจะเริ่มต้นอย่างไรดี เลือกแบบไหนถึงจะคุ้มค่า และไม่เสียเงินไปกับระบบที่ไม่ตอบโจทย์ บทความนี้จะพาไปทำความรู้จักกับประเภทของระบบโซล่าเซลล์ทั้งหมด พร้อมแนะนำว่ารูปแบบไหนเหมาะกับใคร เพื่อให้เลือกใช้พลังงานสะอาดได้อย่างมั่นใจและเกิดประโยชน์สูงสุด
ระบบโซล่าเซลล์ หรือ solar cell system มีหลายประเภท

ระบบโซล่าเซลล์มีกี่ประเภท?

โดยทั่วไปแล้วระบบ solar cell สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภทหลัก ๆ ตามลักษณะการใช้งานและการเชื่อมต่อกับแหล่งจ่ายไฟ ดังนี้

1. ระบบโซล่าเซลล์แบบออนกริด (On Grid)

ระบบโซล่าเซลล์แบบออนกริด on grid solar cell system เหมาะกับบ้านที่ใช้ไฟฟ้าช่วงกลางวัน

ระบบโซล่าเซลล์แบบออนกริดคือการติดตั้งแผง Solar Cell เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าใช้งานภายในบ้านหรืออาคาร และทำการเชื่อมต่อเข้ากับระบบจ่ายไฟฟ้าของการไฟฟ้าภูมิภาคหรือการไฟฟ้านครหลวงไปพร้อมกัน หรืออธิบายง่าย ๆ ว่าเป็นการใช้ไฟฟ้าทั้งจากระบบโซล่าเซลล์ควบคู่กับการใช้ไฟฟ้าจากการไฟฟ้าที่ใช้อยู่เดิม จึงต้องมีการขออนุญาตจากการไฟฟ้าก่อนจะติดตั้งได้

หลักการทำงาน

เมื่อแผงโซล่าเซลล์ได้รับพลังงานแสงอาทิตย์ จะสร้างไฟฟ้ากระแสตรง (DC) ซึ่งจะถูกแปลงเป็นไฟฟ้ากระแสสลับ (AC) ผ่านอินเวอร์เตอร์เพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานในครัวเรือนหรือสำนักงาน หากในช่วงเวลานั้นผลิตไฟฟ้าได้มากเกินกว่าที่ใช้อยู่ ไฟฟ้าส่วนที่เหลือจะถูกส่งกลับเข้าสู่ระบบของการไฟฟ้า ซึ่งสามารถนำไปหักลบกับการใช้ไฟจากสายส่งในช่วงกลางคืนหรือวันที่ไม่มีแดดผ่านระบบ Net Metering ได้

ข้อดี

  • ช่วยลดค่าไฟได้อย่างมีประสิทธิภาพ: เนื่องจากใช้พลังงานที่ผลิตได้เอง และยังสามารถหักลบไฟฟ้าส่วนเกินกับการใช้ไฟจากระบบของรัฐได้
  • ไม่จำเป็นต้องติดตั้งแบตเตอรี่: ช่วยลดค่าใช้จ่ายเบื้องต้นในการติดตั้ง และไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการดูแลแบตเตอรี่
  • บำรุงรักษาได้ง่าย: โครงสร้างของระบบค่อนข้างเรียบง่าย ไม่ซับซ้อน

ข้อเสีย

  • ไม่สามารถใช้ไฟได้เมื่อเกิดไฟฟ้าดับ: ระบบจะหยุดทำงานทันทีที่ไฟจากการไฟฟ้าหยุดจ่าย เพื่อป้องกันอันตรายต่อเจ้าหน้าที่ซ่อมแซม (เว้นแต่มีการติดตั้ง Hybrid Inverter ร่วมกับอุปกรณ์สำรองพลังงาน)

  • จำเป็นต้องมีระบบสายส่งไฟฟ้า: จึงไม่เหมาะกับพื้นที่ห่างไกลที่ยังไม่มีโครงข่ายไฟฟ้าเข้าถึง

เหมาะสำหรับ

  • บ้านพักอาศัย: ที่มีการใช้งานไฟฟ้าในช่วงกลางวัน และต้องการลดค่าไฟระยะยาว โดยที่ยังมีไฟฟ้าจากรัฐใช้อยู่แล้ว
  • ภาคธุรกิจและโรงงาน: โดยเฉพาะที่มีการใช้พลังงานสูงช่วงกลางวัน เช่น สำนักงาน โรงงาน ร้านอาหาร เพราะสามารถใช้พลังงานที่ผลิตได้อย่างคุ้มค่า และยังลดภาระ Peak Demand ได้อีกด้วย

อ่านบทความน่าสนใจ:การขายไฟฟ้าคืนให้การไฟฟ้าหรือ PPA คืออะไร ทางเลือกน่าสนใจสำหรับโรงงานที่ต้องการติดตั้งโซล่าเซลล์

2. ระบบโซล่าเซลล์แบบออฟกริด (Off Grid)

ระบบโซล่าเซลล์แบบออฟกริด off grid solar cell system เหมาะกับโครงการเกษตรกรรมหรือบ้านชนบท ไม่มีไฟฟ้าเข้าถึง

ระบบโซล่าเซลล์ออฟกริดคือระบบที่แยกตัวออกจากเครือข่ายไฟฟ้าหลักอย่างสิ้นเชิง ใช้พลังงานไฟฟ้าจากการผลิตของแผงโซล่าเซลล์เป็นหลัก โดยระบบนี้จะมีแบตเตอรี่เป็นตัวกลางในการกักเก็บพลังงานไฟฟ้าไว้ใช้ในยามที่ไม่มีแสงแดด เป็นระบบที่นิยมใช้ในพื้นที่ห่างไกลหรือสายส่งจากการไฟฟ้าเข้าไปไม่ถึง

หลักการทำงาน

พลังงานแสงอาทิตย์จะถูกเปลี่ยนเป็นไฟฟ้ากระแสตรง (DC) ผ่านแผง Solar panel และนำไปเก็บในแบตเตอรี่ หลังจากนั้นจึงแปลงไฟจากแบตเตอรี่เป็นกระแสไฟฟ้าสลับ (AC) ผ่านอินเวอร์เตอร์อีกครั้งเพื่อจ่ายให้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านหรืออาคาร

ข้อดี

  • สามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างแท้จริง: ไม่ต้องทำงานร่วมกับระบบไฟฟ้าของภาครัฐ มีพลังงานใช้ตลอดเวลาหากระบบถูกออกแบบอย่างเหมาะสม
  • เหมาะกับพื้นที่ที่ไม่มีไฟฟ้าเข้าถึง: ระบบโซล่าเซลล์แบบออฟกริดเหมาะสำหรับพื้นที่ห่างไกลหรือไม่มีไฟฟ้าเข้าถึง เช่น หมู่บ้านบนดอยสูง บ้านพักในป่า หรือพื้นที่เกษตรกรรมห่างไกลที่ประสบปัญหาไฟตกหรือไฟดับบ่อยครั้ง

ข้อเสีย

  • ต้นทุนเริ่มต้นสูง: เนื่องจากต้องติดตั้งแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ ซึ่งมีราคาสูงและต้องเปลี่ยนใหม่เมื่อครบอายุการใช้งาน
  • ดูแลรักษายุ่งยาก: แบตเตอรี่ต้องการการดูแลรักษาอย่างสม่ำเสมอ เช่น การระบายความร้อน และการตรวจสอบสถานะการชาร์จ
  • ต้องวางแผนระบบอย่างแม่นยำ: จำเป็นต้องคำนวณการใช้พลังงานในแต่ละวันอย่างละเอียด เพื่อให้ขนาดแผงและแบตเตอรี่รองรับการใช้งานได้เพียงพอ

เหมาะสำหรับ

  • รีสอร์ต บ้านสวน หรือพื้นที่แคมป์ปิ้ง: ในพื้นที่ห่างไกลที่ไม่มีไฟฟ้าเข้าถึง หรือต้องการตัดขาดจากค่าไฟฟ้าทั้งหมดเพื่อควบคุมต้นทุนระยะยาว
  • โครงการเกษตรกรรมหรือบ้านพักอาศัยในชนบท: ที่ต้องการพลังงานอย่างต่อเนื่อง โดยไม่ขึ้นกับระบบสายส่งของการไฟฟ้า

อ่านบทความน่าสนใจ:แบตเตอรี่โซล่าเซลล์คืออะไร? เลือกแบบไหนให้ตอบโจทย์การใช้งาน

3. ระบบโซล่าเซลล์แบบไฮบริด (Hybrid System)

ระบบโซล่าเซลล์แบบไฮบริด hybrid solar cell system เหมาะกับบ้านที่ไฟดับบ่อย ธุรกิจที่ระบบไฟหยุดไม่ได้

ระบบโซล่าเซลล์แบบไฮบริดคือการรวมข้อดีของทั้งระบบออนกริดและระบบออฟกริดเข้าด้วยกัน กล่าวคือ มีการเชื่อมต่อกับระบบไฟฟ้าจากการไฟฟ้า และมีแบตเตอรี่สำหรับเก็บพลังงานสำรองไว้ใช้งานยามฉุกเฉินด้วย

หลักการทำงาน

พลังงานไฟฟ้าที่ผลิตได้จากแผง Solar Cell จะถูกนำมาใช้งานทันที ถ้ามีเหลือจากการใช้งานในขณะนั้น จะถูกเก็บไว้ในแบตเตอรี่ก่อน จากนั้นหากแบตเตอรี่เต็ม จึงจะส่งพลังงานส่วนเกินกลับเข้าสู่ระบบสายส่งของการไฟฟ้า ในทางกลับกัน หากแสงแดดไม่เพียงพอ ระบบจะดึงไฟจากแบตเตอรี่มาใช้งาน และเมื่อแบตเตอรี่หมดไฟ ระบบจะสลับไปใช้ไฟฟ้าจากสายส่งอัตโนมัติ

ข้อดี

  • ความยืดหยุ่นในการใช้งานสูง: ระบบสามารถเลือกแหล่งพลังงานได้อัตโนมัติตามสภาพแวดล้อม เช่น ช่วงที่มีแดดจัด, แบตเตอรี่เต็ม, หรือไฟฟ้าดับ
  • ลดค่าไฟได้เช่นเดียวกับออนกริด: สามารถช่วยลดค่าไฟฟ้าได้เหมือนกับการติดตั้งระบบโซล่าเซลล์แบบออนกริด และยังมีพลังงานสำรองเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินให้ใช้
  • ความมั่นคงด้านพลังงาน: เนื่องจากเป็นระบบที่มีแหล่งจ่ายไฟหลายแหล่ง ทำให้มั่นใจได้ว่าพลังงานไฟฟ้าจะมีให้ใช้โดยไม่ขาดช่วง

ข้อเสีย

  • ต้นทุนสูงที่สุดในบรรดาระบบทั้งหมด: เป็นระบบระบบโซล่าเซลล์ที่ใช้ต้นทุนในการติดตั้งสูงที่สุด เนื่องจากต้องลงทุนทั้งในอุปกรณ์แปลงไฟ (อินเวอร์เตอร์แบบไฮบริด) และแบตเตอรี่ความจุสูง
  • ระบบซับซ้อนและต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญ: การออกแบบ การคำนวณโหลด และการติดตั้งต้องแม่นยำและเหมาะสมกับสภาพการใช้งานจริง

เหมาะสำหรับ

  • บ้านที่ต้องการความมั่นคงด้านพลังงาน: โดยเฉพาะบ้านที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่เกิดไฟฟ้าดับบ่อย ขณะเดียวกันก็ยังต้องการลดค่าไฟจากการไฟฟ้า
  • ธุรกิจที่ไม่สามารถให้ระบบไฟหยุดชะงักได้: เช่น ศูนย์ข้อมูล (Data Center), เซิร์ฟเวอร์, สำนักงานสำคัญ หรือโรงงานที่ต้องดำเนินงานตลอดเวลา

อ่านบทความน่าสนใจ:ผู้ประกอบการต้องรู้ 9 ข้อควรระวัง ในการติดตั้งโซล่าเซลล์โรงงาน

ปัจจัยในการเลือกระบบโซล่าเซลล์ให้เหมาะสม?

เลือกระบบโซล่าเซลล์ solar cell system ที่เหมาะสมตามลักษณะการใช้ไฟฟ้า ที่ตั้งของสถานที่ งบประมาณ

การเลือกใช้ระบบโซล่าเซลล์ต้องคำนึงถึงหลายปัจจัยร่วมกันทั้งด้านเทคนิคและลักษณะการใช้งานของแต่ละสถานที่ เพื่อให้การลงทุนคุ้มค่าและได้ประสิทธิภาพสูงสุดจากพลังงานแสงอาทิตย์ โดยปัจจัยสำคัญในการเลือกระบบโซล่าเซลล์ที่เหมาะสมมีดังนี้

  • ลักษณะการใช้ไฟฟ้า

    ควรประเมินว่าใช้ไฟฟ้ามากในช่วงเวลาใด (กลางวันหรือกลางคืน) เพราะระบบออนกริดจะเหมาะกับผู้ที่ใช้ไฟช่วงกลางวัน ขณะที่ระบบไฮบริดหรือออฟกริดจะตอบโจทย์การใช้งานที่ต้องการไฟตลอด 24 ชม.

  • ตำแหน่งที่ตั้งของสถานที่

    บ้านหรืออาคารที่อยู่ในเขตเมืองซึ่งมีระบบสายส่งไฟฟ้าเข้าถึงจะเหมาะกับระบบออนกริดหรือไฮบริด ส่วนพื้นที่ห่างไกลที่ไม่มีไฟฟ้าเข้าถึงควรเลือกใช้ระบบออฟกริด

  • งบประมาณในการลงทุน

    หากมีงบจำกัด ระบบออนกริดจะมีต้นทุนเริ่มต้นต่ำกว่า ขณะที่ระบบไฮบริดและออฟกริดต้องใช้เงินลงทุนสูงขึ้นจากการติดตั้งแบตเตอรี่และอุปกรณ์เสริม

  • ความมั่นคงของระบบไฟฟ้า

    ในพื้นที่ที่ไฟฟ้าดับบ่อย หรือกิจกรรมในบ้าน/ธุรกิจไม่สามารถหยุดชะงักได้ ควรเลือกใช้ระบบไฮบริดที่มีแหล่งพลังงานสำรอง

  • พื้นที่ติดตั้งแผงโซล่าเซลล์

    ต้องมีพื้นที่เพียงพอและได้รับแสงแดดโดยตรงตลอดวัน เพราะประสิทธิภาพของระบบขึ้นอยู่กับปริมาณแสงที่รับได้ในแต่ละวัน

  • ความพร้อมในการดูแลรักษา

    ระบบออฟกริดและไฮบริดที่มีแบตเตอรี่ จะต้องมีการบำรุงรักษามากกว่าระบบออนกริด ควรพิจารณาว่ามีบุคลากรหรือเวลาในการดูแลเพียงพอหรือไม่


การประเมินแต่ละปัจจัยอย่างรอบคอบจะช่วยให้เลือกใช้ระบบ solar cell ได้ตรงกับความต้องการและลดความเสี่ยงในการลงทุนระยะยาว

แนวทางการเลือกติดตั้งระบบโซล่าเซลล์

เกณฑ์การเลือกระบบโซล่าเซลล์ solar cell system สำหรับที่บ้านและภาคธุรกิจหรือโรงงานไม่เหมือนกัน

สำหรับที่อยู่อาศัย

การติดตั้งระบบโซล่าเซลล์ควรเริ่มจากการประเมินพฤติกรรมการใช้ไฟฟ้าในแต่ละวัน เช่น ใช้ไฟมากช่วงกลางวันหรือตอนกลางคืน เพื่อเลือกประเภทของระบบให้เหมาะสม โดยทั่วไปแล้วระบบออนกริดจะตอบโจทย์มากที่สุด เพราะช่วยลดค่าไฟได้ดีโดยไม่ต้องใช้แบตเตอรี่และอุปกรณ์ต่อพ่วงอื่น ๆ อีกมากมาย แต่ถ้าหากบ้านอยู่ในพื้นที่ที่มีไฟดับบ่อย อาจพิจารณาระบบไฮบริดเพิ่มเติมเพื่อสำรองไฟ ทั้งนี้ควรตรวจสอบว่าหลังคามีพื้นที่รับแสงแดดเพียงพอหรือไม่ และต้องแข็งแรงพอรองรับน้ำหนักของแผงโซล่าเซลล์ นอกจากนี้ ควรเลือกบริษัทติดตั้งที่มีประสบการณ์ มีใบรับรอง และให้บริการหลังการขายครบถ้วน

สำหรับภาคธุรกิจหรือโรงงาน

การติดตั้งโซล่าเซลล์ควรเริ่มจากการวิเคราะห์โหลดไฟฟ้าและพฤติกรรมการใช้พลังงานในช่วงเวลาทำการเพื่อวางแผนระบบให้สอดคล้องกับเป้าหมาย เช่น ลดค่าไฟ ลด Peak Demand หรือสำรองไฟยามฉุกเฉิน ธุรกิจส่วนใหญ่ที่มีการใช้ไฟต่อเนื่องในช่วงกลางวันจะเหมาะกับระบบออนกริดหรือไฮบริด ขึ้นอยู่กับระดับความต้องการความมั่นคงของระบบไฟฟ้า และควรพิจารณาเรื่องต้นทุนคืนทุน (Payback Period) ควบคู่กับสิทธิประโยชน์ทางภาษีหรือมาตรการสนับสนุนจากภาครัฐ นอกจากนี้ควรเลือกผู้ให้บริการติดตั้งระบบโซล่าเซลล์ที่มีผลงานเชิงพาณิชย์และมีทีมวิศวกรไฟฟ้าที่เชี่ยวชาญ เพื่อให้ระบบทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีการบริการที่ครบถ้วน และใช้งานได้อย่างปลอดภัยในระยะยาว

อ่านบทความน่าสนใจ:กฎหมายโซล่าเซลล์ ฉบับอัปเดตปี 2568 รู้ก่อนติดตั้ง ปลอดภัยชัวร์!

ติดตั้งระบบโซล่าเซลล์ solar cell system กับ บริษัท ณัฐภูมิ วิศวกรรม จำกัด

ณัฐภูมิ วิศวกรรม ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบโซล่าเซลล์ครบวงจร

ระบบโซล่าเซลล์ทั้ง 3 ประเภทล้วนมีจุดเด่นและจุดด้อยที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นการติดตั้งเพื่อใช้งานที่บ้านหรือเพื่อธุรกิจ ควรพิจารณาตามความเหมาะสม ที่สำคัญคือการเลือกผู้ให้บริการติดตั้งที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ มีประสบการณ์จริง และมีความน่าเชื่อถือ

ณัฐภูมิ วิศวกรรม คือผู้เชี่ยวชาญด้านระบบโซล่าเซลล์ครบวงจรที่พร้อมให้บริการตั้งแต่การให้คำปรึกษา ออกแบบระบบเฉพาะตามลักษณะการใช้งาน ไปจนถึงการติดตั้งและบำรุงรักษาระบบโซลาร์เซลล์อย่างต่อเนื่อง โดยทีมวิศวกรผู้เชี่ยวชาญที่เข้าใจทั้งความต้องการของเจ้าของบ้าน และข้อจำกัดเชิงเทคนิคของระบบในภาคอุตสาหกรรม

เราคัดสรรเฉพาะแผงโซลาร์เซลล์และอินเวอร์เตอร์จากแบรนด์คุณภาพระดับโลก มั่นใจได้ในความทนทานและประสิทธิภาพการผลิตพลังงานในระยะยาว ทุกขั้นตอนการติดตั้งดำเนินการตามมาตรฐานความปลอดภัยและวิศวกรรมระดับสากล พร้อมระบบบำรุงรักษาที่ช่วยให้ระบบของคุณทำงานได้เต็มประสิทธิภาพอย่างสม่ำเสมอ

ปรึกษาหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ติดต่อเรา

หรือโทร 098-291-4911⁣ และแอดไลน์@npeng

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับระบบโซล่าเซลล์

ได้ แผงโซล่าเซลล์ยังสามารถผลิตไฟฟ้าได้แม้ในวันที่ฟ้าครึ้ม แต่ประสิทธิภาพจะลดลง ส่วนช่วงกลางคืนระบบจะใช้ไฟจากแบตเตอรี่ (หากมี) หรือดึงไฟจากสายส่งการไฟฟ้า ขึ้นอยู่กับประเภทของระบบที่ติดตั้ง

ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ในการใช้งานและสภาพพื้นที่

  • ออนกริด: เหมาะกับบ้านหรือธุรกิจที่มีไฟฟ้าเข้าถึง และต้องการติดตั้งระบบโซล่าเซลล์เพื่อช่วยลดค่าไฟ
  • ออฟกริด: เหมาะกับพื้นที่ห่างไกล ไม่มีไฟฟ้าเข้าถึง ต้องการติดตั้งระบบโซล่าเซลล์เพื่อใช้เป็นแหล่งผลิตไฟฟ้าหลัก
  • ไฮบริด: เหมาะกับการติดตั้งในที่อยู่อาศัย ธุรกิจ และภาคอุตสาหกรรม ที่ต้องการความมั่นคงด้านพล้งงานไฟฟ้า มีไฟใช้อย่างต่อเนื่อง ไม่ต้องกังวลเรื่องไฟดับ และยังช่วยลดค่าไฟได้ด้วย

ถ้าเป็นระบบออนกริดที่เชื่อมต่อกับการไฟฟ้า จะต้องขออนุญาตและขึ้นทะเบียนกับการไฟฟ้าก่อนติดตั้ง ซึ่งผู้ให้บริการติดตั้งที่มีประสบการณ์ เช่น Nutthaphume Engineering จะดำเนินการจัดการให้ครบถ้วน

แผงโซล่าเซลล์โดยทั่วไปมีอายุการใช้งานประมาณ 25 – 30 ปี โดยยังคงผลิตไฟได้แม้จะลดประสิทธิภาพลงตามเวลา ส่วนอินเวอร์เตอร์มีอายุเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 8 – 12 ปี ขึ้นอยู่กับคุณภาพและการบำรุงรักษา

ระบบโซล่าเซลล์มีการดูแลรักษาที่ไม่ยุ่งยาก โดยทั่วไปแล้วก็จะต้องมีการทำความสะอาดแผงโซล่าเซลล์ให้ปลอดฝุ่นหรือสิ่งสกปรกปีละ 2 – 3 ครั้ง และตรวจสอบระบบไฟฟ้าและอินเวอร์เตอร์ปีละครั้ง เพื่อให้มั่นใจว่าระบบยังทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ

Share:
Facebook
WhatsApp
Email
Picture of Nutthaphume Engineering
Nutthaphume Engineering

ให้บริการอย่างครบวงจร ให้คำปรึกษา ออกแบบ
ติดตั้ง ตรวจสอบ และบำรุงรักษาระบบไฟฟ้าแรงสูง/แรงต่ำ ระบบโซลาร์เซลล์ ระบบเครื่องชาร์จรถไฟฟ้า (EV Charger)

เลือกอ่าน

Nutthaphume Engineering ให้บริการอย่างครบวงจร

ให้คำปรึกษา ออกแบบ ติดตั้ง ตรวจสอบ และบำรุงรักษาระบบไฟฟ้าแรงสูง/แรงต่ำ ระบบโซลาร์เซลล์ ระบบเครื่องชาร์จรถไฟฟ้า (EV Charger)